รับมือและวางแผนเพื่อแก้ไขปัญหา Supply Chain ก่อนเกิดวิกฤต

 

จะดีกว่าไหม? ถ้าคุณสามารถรับมือและวางแผนเพื่อแก้ไขปัญหาเกี่ยวกับ Supply  Chain ก่อนเกิดวิกฤตการณ์ที่ส่งกระทบต่อธุรกิจ ด้วย Blue Yonder

 

 ในปี 2554 ประเทศไทยเกิดอุทกภัยครั้งใหญ่ ส่งผลกระทบต่อภาคอุตสาหกรรมและการส่งออกอย่างรุนแรง ทำให้ทุกคนเริ่มเห็นความสำคัญของการวางแผนและบริหารจัดการ Supply Chain มากขึ้น จากการหยุดชะงักของซัพพลาย (Supply Disruption) ไม่ว่าจะเป็น การขนส่งหรือระบบโลจิสติกส์เกิดการล่าช้า ยอดขายก็ลดลง ทำให้ภาคอุตสาหกรรมเกิดความเสียหายจำนวนมาก ศูนย์กระจายสินค้าไม่สามารถกระจายสินค้าหรือวัตถุดิบได้ทำให้เกิดการหยุดชะงักของการผลิตกะทันหัน ร้านอาหารบางร้านต้องปิด เรียกได้ว่านอกจากเป็นวิกฤตทางเศรษฐกิจแล้ว ยังส่งผลกระทบต่อผู้บริโภคด้วย

ลองจินตนาการว่า ถ้าบ้านของคุณกำลังจะถูกไฟไหม้ คุณต้องการให้พนักงานดับเพลิงวิ่งเข้าไปดับไฟด้วยกระป๋องน้ำแบบในสมัยโบราณหรือไม่ คาดว่าคงไม่มีใครต้องการทางเลือกแบบนั้น ใคร ๆ ก็ต้องการหาวิธีและเลือกอุปกรณ์ที่ทันสมัย มีประสิทธิภาพ เพื่อดับเพลิงไฟตรงหน้าให้เร็วที่สุด
ในเชิงของธุรกิจก็เช่นกัน การวางแผนในการแก้ไข Supply disruption นั้นเป็นเรื่องที่ไม่ควรเมินเฉย เนื่องจากว่าเราไม่สามารถคาดเดาได้เลยว่า จะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นในวันข้างหน้า น้ำท่วม แผ่นดินไหว ภัยแล้ง โรคระบาด หรือถ้าเกิดภัยพิบัติอย่างอื่น คุณพร้อมที่จะรับความเสี่ยงหรือเปล่า ถ้าไม่….คุณควรที่จะมีวิธีการรับมือและวางแผนในเรื่องของ Supply ไว้ล่วงหน้า

จากผลการสำรวจของ Blue Yonder ซึ่งเป็นซอฟต์แวร์ที่มีชื่อเสียงในเรื่องของการบริหารซัพพลายเชน พบว่าโดยเฉลี่ย 70% ของนักวางแผน Supply ใช้เวลาส่วนใหญ่ในการต่อสู้กับการหยุดชะงักหรือ supply disruption ซึ่งเป็นการใช้เวลาและความสามารถในทางที่ผิดบริษัท ควรให้นักวางแผนใช้เวลา 75% ในการวางแผนเชิงกลยุทธ์สำหรับการบริหารจัดการ Supply ให้เกิดประโยชน์สูงสุดมากกว่า

ล้ำกว่าแค่การวางแผน

เหนือกว่าการวางแผนเพื่อรับมือกับ Supply Disruption ยังมีเครื่องมือที่สามารถคาดการณ์การ Disruption ได้ล่วงหน้า เพื่อหลีกเลี่ยงการเกิดปัญหาในวงกว้างต่อการบริหารจัดการ จะง่ายกว่าไหม คุณสามารถเข้าไปดูระบบการบริหาร Supply ได้แบบ Real Time เมื่อเกิดการ Disruption จะได้แก้ไขปัญหาได้ทันท่วงที

  • แทนที่คุณจะพยายามแก้ไขปัญหาให้เร็วที่สุดหลังจากเกิด Disruption ที่คาดเดาไม่ได้ จะง่ายกว่าไหม…ถ้ามีเครื่องมือที่สามารถคาดการณ์สิ่งที่เสี่ยงต่อการเกิด Disruption และบอกคุณล่วงหน้า?
  • จะดีกว่าไหม…ถ้าข้อมูลต่าง ๆ ถูกจัดเก็บและวิเคราะห์ผลพร้อมสรุปสาเหตุที่จะมีผลกระทบต่อค่าใช้จ่ายและการบริการ พร้อมทั้งคำแนะนำสำหรับการแก้ไขปัญหาให้เหมาะสมและเกิดประสิทธิภาพสูงสุดต่อธุรกิจ
  • จะดีกว่าไหม…ถ้าระบบการวางแผนของคุณสามารถดูการบริหาร Supply ได้แบบ Real-time?
  • การทำงานจะมีประสิทธิภาพขึ้นไหม…ถ้าพาร์ทเนอร์สามารถทำงานร่วมกับนักวางแผนผ่านระบบออนไลน์ เพื่อหาวิธีที่ดีที่สุดในการแก้ไขปัญหา?

เทคโนโลยี และ Blue Yonder เข้ามาช่วยแก้ไขปัญหาได้อย่างไร

  • Internet of Things (IoT) คือ การเชื่อมโยงหรือส่งข้อมูลจากอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ถึงกันโดยไม่ต้องป้อนข้อมูล การเชื่อมโยงนี้ง่ายจนทำให้เราสามารถสั่งการควบคุมการใช้งานอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ ผ่านทางเครือข่ายอินเทอร์เน็ตได้ ไปจนถึงการเชื่อมโยงการใช้งานอุปกรณ์อิเล็กทรอนิกส์ต่างๆ
  • Machine Learning (ML) และ AI : เข้ามาช่วยในการวิเคราะห์และประเมินข้อมูลต่าง ๆ เพื่อเปรียบเทียบกับข้อมูลในอดีต ทำให้สามารถวิเคราะห์เรียงลำดับความสำคัญก่อนหลังของสิ่งที่จะส่งผลกระทบต่อ Supply Chain นอกจากนี้ยังสามารถแนะนำวิธีการแก้ไขปัญหาได้อีกด้วย

ซึ่งนักวางแผนมีหน้าที่ดูและอ่านผลการวิเคราะห์ผลกระทบที่จะเกิดขึ้นอย่างละเอียดร่วมกับผู้ที่เกี่ยวข้องทุกฝ่าย เพื่อตัดสินใจแก้ไขปัญหาให้ดีที่สุดและเร็วที่สุด ทำให้ปัญหาสามารถถูกแก้ไขได้ก่อนที่จะส่งผลกระทบต่อธุรกิจ และเกิดความล่าช้าในการให้บริการลูกค้า

สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม 

เว็บไซต์ www.nexus-sr.com
อีเมล    mkt.th@nexus-sr.com
Line Official Account : @nexus-sr.com
โทรศัพท์ 02-091-1900

 

Share the Post:

หัวข้อน่าสนใจ