จับตา เทรนด์ Supply Chain และ Logistics ที่สำคัญในปี 2024
แม้ว่าสถานการณ์หลังจากเกิดเหตุการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 จะค่อยๆ คลี่คลาย และกลับสู่สภาวะปกติ แต่ความท้าทายด้านการหยุดชะงักในการดำเนินงานในห่วงโซ่อุปทานยังคงมีอยู่อย่างต่อเนื่อง เนื่องจากปัจจัยหลายประการ ทั้งความขัดแย้งทางการเมือง สงครามระหว่างประเทศ ภาวะเงินเฟ้อ ความขาดแคลน สิ่งแวดล้อม และการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ อย่างไรก็ตาม การมีความคล่องตัวและความสามารถในการวางแผนที่ซับซ้อน สามารถมองเห็นห่วงโซ่อุปทานตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทาง จะเป็นกุญแจสำคัญในการรับมือกับความท้าทายเหล่านี้ ในบทความนี้ ได้รวบรวมแนวโน้ม เทรนด์ Supply Chain และ Logistics ที่สำคัญในปี 2567 และโซลูชันที่สำคัญ ที่จะช่วยรับมือความท้าทายต่างๆ
5 เทรนด์ Supply Chain และ Logistics ที่สำคัญในปี 2567
1.การใช้ประโยชน์จากเทคโนโลยีดิจิทัล
เทคโนโลยีดิจิทัล อุปกรณ์เครื่องมือ เครื่องจักรสมัยใหม่ และระบบสารสนเทศ มีบทบาทสำคัญมากขึ้นในการบริหาร Supply Chain เทคโนโลยีดิจิทัลจะช่วยให้บริษัทสามารถเก็บข้อมูลมหาศาลได้อย่างเป็นระบบ นำข้อมูลต่างๆ มาประมวลผลเป็นข้อมูลเชิงลึก ใช้ในการประกอบการตัดสินใจที่แม่นยำ และยังเพิ่ม Supply Chain Visibility สามารถควบคุมและมองเห็นข้อมูลตลอดทั้งห่วงโซ่อุปทาน
2. ความสำคัญของสิ่งแวดล้อม และความยั่งยืน
หลังจากมีการร่วมลงนามในแผนแม่บท เพื่อการพัฒนาที่ยั่งยืนของประเทศสมาชิกขององค์การสหประชาชาติ ทำให้เรื่องสิ่งแวดล้อมและความยั่งยืนมีผลต่อหลายๆ ประเทศ รวมไปถึงอุตสาหกรรมการผลิต การขนส่ง ก็ต้องสอดคล้องกับกฎ ระเบียบ และเกณฑ์ทางด้านสิ่งแวดล้อม เทรนด์ Supply Chain ในปีนี้ จึงเป็นการนำนวัตกรรมมายกระดับกระบวนการทำงานและธุรกิจให้พัฒนาไปตามแนวทางของความยั่งยืน เช่น การใช้เซนเซอร์ IoT ในการติดตามการปล่อยมลพิษ ให้ข้อมูลทั้งหมดที่เกี่ยวกับการปล่อยก๊าซเรือนกระจกจากยานพาหนะ และไซต์งาน ทำให้สามารถสร้างกลยุทธ์การลดมลพิษได้อย่างยั่งยืน เป็นต้น
3.ต้นทุนด้าน Logistic มีความผันผวน
การเกิดสงครามระหว่างประเทศรัสเซียและยูเครน ส่งผลให้ราคาน้ำมันดีเซลปรับตัวสูงขึ้นถึง 55% ในช่วงครึ่งปีแรกของปี 2022 และยังไม่มีท่าทีว่าสงครามจะยุติ ยังคงยืดเยื้อจนถึงปี 2023 ทำให้คาดการณ์ว่า น้ำมันดีเซลจะยังคงปรับตัวสูง มีความผันผวนด้านราคา ทำให้ส่งผลโดยตรงต่อ Logistics Operating Costs หรือ ต้นทุนด้านการขนส่ง ธุรกิจผู้ขนส่งจึงต้องเตรียมรับมือกับการควบคุมต้นทุน และการเพิ่มประสิทธิภาพการขนส่งให้ดียิ่งขึ้น
4. Automation มีบทบาทสำคัญ
Automation หรือ ระบบอัตโนมัติ รวมถึงเทคโนโลยีใหม่ๆ อย่าง AI, Machine Learning, IoT และ Blockchain เข้ามามีบทบาทสำคัญในการเพิ่มประสิทธิภาพการดำเนินงาน การปรับปรุงกระบวนการทำงาน โดยเฉพาะ ธุรกิจการขนส่งสินค้า (Transportation) และ ธุรกิจคลังสินค้า (Warehousing) ทำให้ธุรกิจสามารถใช้ทรัพยากรอย่างคุ้มค่ามากยิ่งขึ้น
5. พฤติกรรม และความคาดหวังของลูกค้าที่เปลี่ยนไป
จากรายงาน 2023 Omnichannel Experience Index โดย Blue Yonder พบว่า
- ในปีที่ผ่านมา 48% ของนักช้อปได้ลองแบรนด์ใหม่ๆ เพราะแบรนด์ที่พวกเขาชอบไม่มีสินค้าในสต็อก
- 30% ของนักช้อปเปลี่ยนร้านหากไม่มีสินค้าที่ต้องการ และ 70% จะเปลี่ยนแบรนด์ไปเลย
- ผู้ซื้อมากกว่า 70% ระบุว่าความสะดวกและการมองเห็นคำสั่งซื้อเป็นปัจจัยอันดับ 1 สำหรับการช็อปปิ้งออนไลน์
- นักช้อป 56% ยกเลิกคำสั่งซื้อ เนื่องจากกังวลเรื่องเวลาในการจัดส่ง
- 65% ของผู้ซื้อ คาดหวังว่าจะได้รับสินค้าตามเวลาที่ระบุไว้
เพื่อให้ผู้ซื้อกลับมาที่ร้านและเว็บไซต์ของคุณอยู่เสมอ และเพื่อสร้างประสบการณ์ที่ดีเกิดความคาดหมายให้กับลูกค้า ผู้ค้าปลีกจะต้องมีเทคโนโลยีการค้าที่ทันสมัย เพื่อให้สามารถติดตามสถานะสินค้าคงคลังแบบเรียลไทม์ ลำดับเวลาในการจัดส่ง เพิ่มความรวดเร็ว และแม่นยำในการจัดส่ง
6. ใช้ประโยชน์จากการแปลงข้อมูลเป็นดิจิทัล เพื่อปรับปรุงการมองเห็น
เทรนด์ Supply Chain ในปีที่ผ่านมา แนวโน้มสำคัญสำหรับบริษัท Supply Chain และ Logistics หลายแห่งคือการลงทุนในกลยุทธ์การเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัลบนคลาวด์ และในปี 2566 มีแนวโน้มนี้จะเร่งตัวขึ้น เนื่องจากองค์กรต่าง ๆ ใช้เทคโนโลยีเพื่อลดแรงกดดันด้านเงินเฟ้อและการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลก จึงคาดว่าจะมีการลงทุนด้านเทคโนโลยีมากขึ้น เข้าถึงข้อมูลเชิงลึกที่เพิ่มขึ้นผ่านการขุดข้อมูล ซึ่งสามารถนำไปสู่การตัดสินใจที่ดีขึ้นและการมองเห็นซัพพลายเชนที่เพิ่มขึ้น เพื่อยกระดับการวางแผนซัพพลายเชนให้เติบโต
สำรวจ เทคโนโลยีที่มีความสำคัญใน Supply Chain และ Logistics
1. เทคโนโลยี Blockchain
Blockchain ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถจัดเก็บข้อมูลแบบ Digital Transaction และทำให้ผู้ประกอบการบริหารจัดการข้อมูลได้ดีและมีความปลอดภัยมากขึ้น เช่น สามารถนำข้อมูลกระจายออกไปในระบบ Supply Chain สามารถตรวจสอบว่าใครเป็นเจ้าของข้อมูลนั้นๆ ได้ มีการส่งต่อข้อมูลไปที่ใด และสามารถกำจัดสิทธิ์การเข้าถึงข้อมูลได้ เป็นการสร้างให้ระบบการจัดการคลังสินค้ามีมาตรการ และมีข้อมูลที่น่าเชื่อถือ และปลอดภัย
2. เทคโนโลยี 5G
ความสามารถของ 5G คือความแรง ความเร็ว และความเสถียร อีกทั้งยังครอบคลุมพื้นที่มากขึ้น 5G จะมีประโยชน์อย่างมากใน Logistics เช่น สามารถใช้ร่วมกับ GPS Tracking ติดตามยานพาหนะขนส่ง ตรวจสอบเส้นทาง ระยะเวลาการขนส่งได้แบบ Real Time รวมถึงยังสามารถติดตามประสิทธิภาพของคนขับ ความเร็วในการขับขี่ ทำให้การขนส่งมีประสิทธิภาพ มีมาตรฐานยิ่งขึ้น
3. เทคโนโลยี AI
เทคโนโลยีปัญญาประดิษฐ์ หรือ AI เริ่มมีบทบาทสำคัญใน Logistics มากขึ้นเรื่อยๆ AI สามารถเข้ามาช่วยในอุตสาหกรรม Logistics หลาย ๆ ด้าน เช่น วิเคราะห์คุณสมบัติพาร์ทเนอร์ขนส่งแต่ละราย เพื่อตัดสินใจเลือกพาร์ทเนอร์ที่มีความเชี่ยวชาญมากที่สุด และ AI ยังมีความสามารถในการคาดการณ์ล่วงหน้า วิเคราะห์ความเสี่ยงที่ทำให้เกิดความเสียหายในการจัดส่ง ช่วยเลือกเส้นทางการขนส่งที่เร็วและปลอดภัยได้ ทำให้ธุรกิจสามารถลดความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นได้ เป็นต้น
4. เทคโนโลยี Automation and Robotization
การนำระบบอัตโนมัติ และหุ่นยนต์อัจฉริยะมาใช้ในคลังสินค้า หรือโรงงาน จะช่วยให้สามารถเปลี่ยนจากคลังสินค้าแบบเดิมไปเป็น Smart Warehouse ได้ เพิ่มความสะดวก รวดเร็ว ลดภาระงานที่ซ้ำซ้อน และเพิ่มความแม่นยำในการจัดการได้มากยิ่งขึ้น
เสริมความแข็งแกร่งให้กับ Supply Chain ด้วย Blue Yonder
Blue Yonder เป็นผู้นำระดับโลกด้านการเปลี่ยนแปลงห่วงโซ่อุปทานแบบดิจิทัล และ omni-channel commerce fulfillment เป็นแพลตฟอร์ม Supply Chain อัจฉริยะ แบบ end-to-end ช่วยให้ผู้ค้าปลีก ผู้ผลิต และผู้ให้บริการ Logistics สามารถตอบสนองความต้องการของลูกค้าได้ดีที่สุด ตั้งแต่การวางแผนไปจนถึงการจัดส่ง Blue Yonder รวมข้อมูลห่วงโซ่อุปทาน และการดำเนินงานด้านการค้าปลีกเข้าด้วยกันเพื่อปลดล็อกโอกาสทางธุรกิจใหม่ ๆ และขับเคลื่อนระบบอัตโนมัติ การควบคุม การประสานเพื่อให้มีกำไรมากขึ้น และการตัดสินใจทางธุรกิจที่ยั่งยืน
Blue Yonder นำเสนอ Luminate Platform เครื่องมือสำคัญที่ใช้ประโยชน์จากความสามารถของปัญญาประดิษฐ์ (AI) และการเรียนรู้ของเครื่อง (ML) ชั้นนำของอุตสาหกรรม ประสบการณ์ผู้ใช้ที่ขับเคลื่อนด้วย Workflowและการเชื่อมต่อแบบ Real Time ให้มุมมองแบบครบวงจรสำหรับธุรกิจ ช่วยให้ธุรกิจสามารถคาดการณ์ ป้องกัน และแก้ไขการหยุดชะงักของธุรกิจทั้งหมด รวมถึงเพิ่มความสามารถในการวางแผนเชิงรุกและมอบประสบการณ์ให้กับลูกค้าได้ดียิ่งขึ้น
ความสามารถโดยรวมใน Blue Yonder
Blue Yonder เป็นผู้นำระดับโลกของโซลูชันบริหารจัดการซัพพลายเชนที่จะช่วยให้องค์กรบรรลุการบริหารจัดการซัพพลายเชนของธุรกิจอย่างเต็มศักยภาพ ด้วยปัญญาประดิษฐ์ (AI) การเรียนรู้ของเครื่อง (Machine Leaning) และแพลตฟอร์ม Fulfillments ดิจิทัล และ Blue Yonder ยังได้รับการยอมรับว่าเป็นผู้นำด้าน Supply Chain Planning Solutions ปี 2022 ในรายงาน Gartner® Magic Quadrant™ อีกด้วย
การวางแผนห่วงโซ่อุปทาน
Luminate ® Planning ใช้ประโยชน์จากพลังของการวางแผนซัพพลายเชนดิจิทัลด้วยความสามารถและบริการจาก AI/ML ที่ครอบคลุมการวางแผนความต้องการ การเติมเต็มสินค้า การจัดการการขนส่ง การวางแผนปฏิบัติการและการขาย และอื่นๆ ช่วยให้ผู้ประกอบการสามารถมองเห็นห่วงโซ่อุปทานขั้นสูง มองเห็นความเสี่ยงและโอกาสที่อาจเกิดขึ้น สามารถคาดการณ์สถานการณ์ได้อย่างแม่นยำ ปรับปรุงการวางแผนการจัดหาขององค์กรให้ทันสมัยโดยการเปิดใช้ Dashboard ที่ยืดหยุ่นสำหรับการสื่อสารแบบ Real Time และการทำงานร่วมกันที่มีประสิทธิภาพ
การวางแผน Logistics
Luminate ® Logistics ของ Blue Yonder นำเสนอแพลตฟอร์มการดำเนินการแบบ End-to-End ช่วยให้มองเห็นตั้งแต่ต้นทางถึงปลายทางแบบ Real Time เพื่อช่วยขับเคลื่อนเครือข่ายการกระจายสินค้าที่ยืดหยุ่นและเป็นอิสระอย่างเต็มที่ Luminate Logistics ใช้ประโยชน์จาก AI/ML เทคโนโลยีดิจิทัลอัจฉริยะ ช่วยให้องค์กรต่างๆ รับรู้ปัญหาก่อนที่จะเกิดขึ้น รับคำแนะนำจากการเรียนรู้ด้วยเครื่องจักรสำหรับการดำเนินการ เพิ่มความพึงพอใจของลูกค้าด้วยการจัดการคำสั่งซื้อที่ราบรื่นและตัวเลือกการเติมเต็มขนาดเล็ก และยังช่วยในการปรับปรุงประสิทธิภาพการทำงาน ลดการจัดการงานด้วยตนเอง และการจัดการทรัพยากร
Omni‑Channel Commerce
Luminate ® Commerce นำเสนอการวางแผนและการดำเนินงานทางธุรกิจแบบบูรณาการที่ตอบสนอง การมองเห็นสินค้าคงคลังและการประสานที่ขับเคลื่อนโดยข้อมูลเชิงลึกของ AI/ML และแบบจำลองการคาดการณ์ ด้วยข้อมูลแบบเรียลไทม์และข้อมูลเชิงลึกอันชาญฉลาด ผู้ค้าปลีกสามารถปรับเปลี่ยน โฟกัสสินค้าคงคลัง พื้นที่ ราคา พนักงาน และการดำเนินการจัดเก็บได้ทันทีตามความต้องการที่เปลี่ยนแปลงไป Luminate Commerce รวมข้อมูลสินค้าคงคลังแบบรวมศูนย์ มองเห็น และตัดสินใจได้รวดเร็วยิ่งขึ้นสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันโดยการรับมือกับการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทานในเชิงรุก
NEXUS พาร์ทเนอร์ Blue Yonder เจ้าเดียวในไทย
เน็กซัสฯ เป็นพาร์ทเนอร์ของ Blue Yonder เพียงบริษัทเดียวในประเทศไทย มีประสบการณ์มากกว่า 24 ปี ในการเป็นผู้เชี่ยวชาญที่ให้บริการไอทีโซลูชัน คอนซัลติ้ง (IT Solution Consulting) แบบครบวงจร ให้คำปรึกษา และวางระบบซอฟต์แวร์ (SAP, Blue Yonder) และ Cloud Platforms (SAP, AWS, CSL) เพื่อเพิ่มศักยภาพสนับสนุนการบริหารธุรกิจยุคดิจิทัลให้เกิดประโยชน์และประสิทธิภาพสูงสุด ทั้งนี้ เน็กซัสฯ มีผลงานในการวางระบบซอฟต์แวร์ Blue Yonder ให้กับธุรกิจชั้นนำในประเทศไทยอย่าง บริษัท น้ำตาลมิตรผล จำกัด บริษัท โดล (ประเทศไทย) จำกัด เป็นต้น
สนใจ Blue Yonder โซลูชันบริหารจัดการซัพพลายเชน (Supply Chain) ระดับโลกหรือต้องการปรึกษาเพิ่มเติม
สอบถามรายละเอียดเพิ่มเติม ได้ที่
เว็บไซต์ : www.nexus-sr.com
อีเมล : mkt.th@nexus-sr.com
Line Official Account : @nexus-sr.com
โทรศัพท์ : 02-091-1900