Search
Search

Cloud ERP ปลดล็อกความสำเร็จอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์

เลือกอ่านหัวที่สนใจ

Cloud ERP คือหัวใจสำคัญในยุคดิจิทัล

อุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ เป็นหนึ่งในกลุ่มธุรกิจที่เติบโตต่อเนื่อง และมีบทบาทสำคัญในซัพพลายเชนของอุตสาหกรรมทั่วโลก ตั้งแต่คอมพิวเตอร์ รถยนต์ ไปจนถึงอุปกรณ์สมาร์ตโฮม เครื่องใช้ไฟฟ้า

แต่เบื้องหลังความก้าวหน้าของเทคโนโลยีเหล่านี้ กลับเต็มไปด้วยความซับซ้อนในการวางแผนผลิต ควบคุมคุณภาพ และบริหารต้นทุนแบบเรียลไทม์ ธุรกิจต้องทำงานแข่งกับเวลา ความแม่นยำ และความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นตลอดเวลา

นี่คือเหตุผลที่ Cloud ERP กลายเป็น “หัวใจสำคัญ” ของธุรกิจที่ต้องการเติบโตในอุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์อย่างแท้จริง

รวม 5 ความท้าทายของของธุรกิจผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์

อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์เป็นธุรกิจที่เต็มไปด้วยความซับซ้อน และความท้าทายเฉพาะตัว การทำความเข้าใจอุปสรรคเหล่านี้เป็นสิ่งสำคัญเพื่อการวางแผนและนำโซลูชันที่เหมาะสมมาใช้

1. ความผันผวน และความซับซ้อนของห่วงโซ่อุปทาน

🔷 การขาดแคลนวัตถุดิบ และส่วนประกอบ: เหตุการณ์ไม่คาดฝัน เช่น ภัยพิบัติธรรมชาติ หรือวิกฤตการณ์ในภูมิภาคใดภูมิภาคหนึ่ง อาจส่งผลกระทบโดยตรงต่อแหล่งผลิตชิ้นส่วนสำคัญอย่างเซมิคอนดักเตอร์ ทำให้เกิดภาวะขาดแคลน และราคาที่พุ่งสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว ซึ่งเป็นความท้าทายที่ธุรกิจผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ต้องเผชิญบ่อยครั้ง

🔷 ระยะเวลารอคอยสินค้ายาวนาน: ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์บางชนิด โดยเฉพาะชิปเฉพาะทาง หรือส่วนประกอบที่ผลิตตามสั่ง อาจมีระยะเวลารอคอยการผลิต และการจัดส่งที่ยาวนานหลายเดือน การคาดการณ์ความต้องการ และการวางแผนการจัดซื้อล่วงหน้าจึงเป็นเรื่องสำคัญอย่างยิ่ง

🔷 ความผันผวนของราคาและต้นทุน: ราคาของวัตถุดิบ และส่วนประกอบอิเล็กทรอนิกส์มีการเปลี่ยนแปลงตลอดเวลาตามกลไกตลาดโลก การจัดการต้นทุนที่ผันผวนเหล่านี้โดยไม่กระทบต่ออัตรากำไรถือเป็นความท้าทายหลัก

🔷 ความเสี่ยงด้านภูมิรัฐศาสตร์ และการค้า: นโยบายการค้า หรือความตึงเครียดทางการเมืองระหว่างประเทศ อาจส่งผลกระทบต่อการนำเข้าและส่งออกชิ้นส่วน ทำให้เกิดความล่าช้าหรือข้อจำกัดในการจัดหา

🔷 การจัดการผู้จำหน่ายหลายราย: ธุรกิจต้องบริหารจัดการความสัมพันธ์กับผู้จำหน่ายจำนวนมากจากทั่วโลก ซึ่งแต่ละรายอาจมีมาตรฐานการดำเนินงาน และเงื่อนไขที่แตกต่างกัน การรวมศูนย์ข้อมูล และการสื่อสารจึงเป็นสิ่งจำเป็น

2. วงจรผลิตภัณฑ์ที่สั้นและนวัตกรรมที่รวดเร็ว

🔷 เทคโนโลยีที่ล้าสมัยอย่างรวดเร็ว: อุตสาหกรรมอิเล็กทรอนิกส์ก้าวไปข้างหน้าอย่างรวดเร็ว ทำให้ผลิตภัณฑ์ และชิ้นส่วนล้าสมัยได้ในเวลาอันสั้น ธุรกิจต้องเร่งพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่อย่างต่อเนื่องเพื่อตอบสนองความต้องการของตลาด และต้องจัดการกับสินค้าคงคลังของชิ้นส่วนที่อาจกลายเป็นสินค้าล้าสมัย

🔷 ความจำเป็นในการวิจัยและพัฒนา (R&D): การลงทุนในการวิจัย และพัฒนาอย่างต่อเนื่องเป็นสิ่งจำเป็นเพื่อคงความได้เปรียบในการแข่งขัน การจัดการโครงการ R&D และการนำไปสู่การผลิตจริงอย่างมีประสิทธิภาพจึงสำคัญ

🔷 การเปลี่ยนแปลงรูปแบบดีไซน์ และสเปก: ลูกค้าอาจมีการเปลี่ยนแปลงความต้องการด้านดีไซน์หรือสเปกของชิ้นส่วนบ่อยครั้ง ทำให้กระบวนการผลิตต้องมีความยืดหยุ่นสูงและสามารถปรับเปลี่ยนได้อย่างรวดเร็ว

3. ข้อกำหนดด้านคุณภาพ และกฎระเบียบที่เข้มงวด

🔷 มาตรฐานคุณภาพสูง: ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์ต้องมีคุณภาพ และความแม่นยำสูง เพื่อให้มั่นใจถึงประสิทธิภาพ และความน่าเชื่อถือของผลิตภัณฑ์ขั้นสุดท้าย ข้อผิดพลาดเพียงเล็กน้อยอาจส่งผลให้เกิดความเสียหายต่อชื่อเสียง และค่าใช้จ่ายในการเรียกคืนสินค้า

🔷 การปฏิบัติตามกฎระเบียบสากล: ธุรกิจต้องปฏิบัติตามกฎระเบียบสากลจำนวนมาก และมาตรฐานต่างๆ การไม่ปฏิบัติตามอาจนำไปสู่บทลงโทษทางกฎหมาย และผลกระทบทางการค้า

🔷 การติดตามย้อนกลับ: ความสามารถในการติดตามที่มาของวัตถุดิบ และเส้นทางการผลิตของชิ้นส่วนแต่ละล็อตมีความสำคัญอย่างยิ่ง เพื่อให้สามารถระบุ และจัดการปัญหาคุณภาพได้อย่างรวดเร็ว และแม่นยำ

4. การจัดการสินค้าคงคลังและสินทรัพย์ที่มีมูลค่าสูง

🔷 ชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์มีมูลค่าสูง: การจัดการสต็อกชิ้นส่วน และอุปกรณ์ที่มีราคาสูงต้องทำอย่างระมัดระวัง เพื่อลดการสูญหาย เสียหาย หรือล้าสมัย

🔷 ความซับซ้อนในการจัดการสินค้าคงคลัง: การมีชิ้นส่วนจำนวนมาก และหลากหลาย SKU ทำให้การบริหารจัดการสินค้าคงคลังเป็นเรื่องที่ซับซ้อน การคาดการณ์ความต้องการ และรักษาระดับสต็อกที่เหมาะสมเป็นสิ่งท้าทาย

🔷 การบำรุงรักษาเครื่องจักรและอุปกรณ์: เครื่องจักร และอุปกรณ์ที่ใช้ในการผลิตมีราคาสูง และต้องได้รับการบำรุงรักษาตามกำหนด เพื่อให้การผลิตดำเนินไปอย่างต่อเนื่อง และลดเวลาหยุดทำงาน

5. การแข่งขันที่รุนแรงและแรงกดดันด้านราคา

🔷 ตลาด: อุตสาหกรรมนี้มีการแข่งขันสูง ทำให้ผู้ประกอบการต้องแข่งขันทั้งด้านราคา คุณภาพ และนวัตกรรม

🔷 การลดต้นทุน: แรงกดดันในการลดต้นทุนการผลิต เพื่อรักษากำไร และแข่งขันในตลาด ทำให้การเพิ่มประสิทธิภาพในทุกขั้นตอนการผลิตเป็นสิ่งจำเป็น

7 เหตุผล ทำไม Cloud ERP จึงเป็นหัวใจสำคัญของธุรกิจผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์

ท่ามกลางความท้าทายของธุรกิจ ระบบ Cloud ERP ได้กลายเป็นโซลูชันที่ขาดไม่ได้ ด้วยความสามารถที่ออกแบบมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการเฉพาะของอุตสาหกรรมโดยตรง ระบบไม่เพียงจะช่วยแก้ปัญหา แต่ยังช่วยผลักดันให้ธุรกิจเติบโต และสร้างความได้เปรียบทางการแข่งขันอย่างยั่งยืน

1. การมองเห็นแบบครบวงจร และข้อมูลแบบเรียลไทม์

🔷 แหล่งข้อมูลเดียว: Cloud ERP รวบรวมข้อมูลทั้งหมดจากทุกหน่วยงาน ตั้งแต่การจัดซื้อ การผลิต การขาย การเงิน การจัดการสินค้าคงคลัง งานบัญชี ไปจนถึงการบริการลูกค้า ไว้ในแพลตฟอร์มเดียว ทำให้ได้มุมมองที่ครบถ้วน และเป็นหนึ่งเดียว

🔷 ข้อมูลที่เป็นปัจจุบัน: ด้วยข้อมูลแบบเรียลไทม์ ผู้บริหารสามารถตัดสินใจได้อย่างรวดเร็ว และแม่นยำ ไม่ว่าจะเป็นการปรับแผนการผลิตเมื่อเกิดการขาดแคลนชิ้นส่วน การวิเคราะห์แนวโน้มตลาด หรือการบริหารจัดการความเสี่ยง

🔷 ความโปร่งใสในห่วงโซ่อุปทาน: ช่วยให้มองเห็น และติดตามสถานะของวัตถุดิบ และสินค้าสำเร็จรูปได้ตลอด ลดความไม่แน่นอนและเพิ่มประสิทธิภาพในการวางแผน

2. การจัดการซัพพลายเชนที่มีประสิทธิภาพ

🔷 การวางแผนความต้องการวัสดุ (MRP) ที่แม่นยำ: Cloud ERP ช่วยในการพยากรณ์ความต้องการชิ้นส่วนได้อย่างแม่นยำ ทำให้สามารถสั่งซื้อวัตถุดิบในปริมาณที่เหมาะสม ในเวลาที่เหมาะสม ลดปัญหาการขาดแคลนหรือสต็อกล้น และลดความเสี่ยงจากการที่ชิ้นส่วนล้าสมัย

🔷 การบริหารจัดการผู้จำหน่าย: สามารถจัดการข้อมูลผู้จำหน่าย กำหนดเงื่อนไขการสั่งซื้อ ติดตามสถานะการจัดส่ง และประเมินประสิทธิภาพของผู้จำหน่ายได้อย่างเป็นระบบ

🔷 การจัดการระยะเวลารอคอยสินค้า: ช่วยในการวางแผน และบริหารจัดการกับระยะเวลารอคอยสินค้าที่ยาวนานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยการให้ข้อมูลการสั่งซื้อและกำหนดเวลาส่งมอบที่ชัดเจน

3. การควบคุมคุณภาพ และการติดตามย้อนกลับที่เหนือกว่า

🔷 การติดตามย้อนกลับแบบละเอียด: Cloud ERP ช่วยบันทึกข้อมูลของชิ้นส่วนแต่ละชิ้น ตั้งแต่ผู้จำหน่ายวัตถุดิบ ล็อตการผลิต วันที่ผลิต จนถึงกระบวนการประกอบและทดสอบ ทำให้สามารถติดตามย้อนกลับได้ตลอดวงจรชีวิตผลิตภัณฑ์

🔷 การจัดการคุณภาพ (Quality Management): รองรับการกำหนดมาตรฐานคุณภาพ การตรวจสอบคุณภาพในแต่ละขั้นตอนการผลิต การบันทึกผลการทดสอบ และการจัดการชิ้นส่วนที่ไม่เป็นไปตามข้อกำหนด (non-conforming materials)

🔷 การปฏิบัติตามกฎระเบียบ (Compliance): ระบบช่วยในการเก็บบันทึกข้อมูลที่จำเป็นสำหรับการตรวจสอบและรับรองตามมาตรฐานสากล เช่น RoHS, REACH, ISO ทำให้ธุรกิจมั่นใจในการปฏิบัติตามข้อกำหนดและลดความเสี่ยงทางกฎหมาย

4. เพิ่มประสิทธิภาพการผลิตและการวางแผน

🔷 การจัดการ Bill of Materials (BOM) ที่ซับซ้อน: รองรับ BOM ที่มีหลากหลายช่วยให้การจัดการโครงสร้างผลิตภัณฑ์ที่ซับซ้อนเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และแม่นยำ

🔷 การวางแผนการผลิตขั้นสูง (Advanced Production Planning): ช่วยในการวางแผนกำลังการผลิต การจัดตารางการผลิต การบริหารจัดการทรัพยากร และการติดตามความคืบหน้าของแต่ละคำสั่งผลิต ทำให้การผลิตเป็นไปอย่างราบรื่นและมีประสิทธิภาพสูงสุด

🔷 การควบคุมกระบวนการ (Process Control): ช่วยติดตาม และควบคุมแต่ละขั้นตอนการผลิตแบบเรียลไทม์ สามารถระบุปัญหาคอขวด ได้อย่างรวดเร็ว และแก้ไขได้ทันท่วงที

5. การบริหารจัดการสินค้าคงคลังและสินทรัพย์มูลค่าสูง

🔷 การจัดการสินค้าคงคลังที่แม่นยำ: ระบบ ERP จะมาช่วยในการติดตามจำนวน ตำแหน่ง และสถานะของสินค้าคงคลังได้อย่างละเอียด ลดการสูญหาย ลดสต็อกเก่า และเพิ่มประสิทธิภาพในการหมุนเวียนสินค้า

🔷 การจัดการสินทรัพย์ (Asset Management): สามารถบันทึกข้อมูลเครื่องจักร และอุปกรณ์ที่มีมูลค่าสูง กำหนดตารางการบำรุงรักษา และติดตามประวัติการซ่อมบำรุง เพื่อยืดอายุการใช้งาน และลดเวลาหยุดทำงานโดยไม่คาดคิด

6. ความยืดหยุ่น ความสามารถในการปรับขนาด และนวัตกรรม

🔷 ปรับขนาดตามการเติบโต: ไม่ว่าธุรกิจจะเพิ่งเริ่มต้นหรือกำลังขยายตัว ตัวระบบ สามารถปรับขนาดได้ตามความต้องการ

🔷 เข้าถึงได้ทุกที่ทุกเวลา: ด้วยการทำงานบนคลาวด์ พนักงานสามารถเข้าถึงระบบได้จากทุกที่ ทุกเวลา ผ่านอุปกรณ์ใดก็ได้ ขอเพียงมีการเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ต เพิ่มความคล่องตัวในการทำงาน

🔷 พร้อมรับนวัตกรรมใหม่: ระบบได้รับการอัปเดต และพัฒนาอย่างต่อเนื่อง ทำให้ธุรกิจสามารถเข้าถึงฟังก์ชันใหม่ๆ และเทคโนโลยีล่าสุด เช่น AI, IoT หรือ Machine Learning ได้อย่างง่ายดาย โดยไม่ต้องกังวลเรื่องการบำรุงรักษาระบบเอง

7. การลดต้นทุน และเพิ่มผลกำไร

🔷 ลดต้นทุนการดำเนินงาน: การเพิ่มประสิทธิภาพในทุกขั้นตอน การลดของเสีย และการลดความจำเป็นในการลงทุนฮาร์ดแวร์ขนาดใหญ่ ช่วยลดต้นทุนโดยรวมของธุรกิจ

🔷 เพิ่มประสิทธิภาพแรงงาน: ระบบอัตโนมัติช่วยลดงานที่ต้องทำด้วยมือ และข้อผิดพลาด ทำให้พนักงานสามารถทุ่มเทให้กับงานที่มีมูลค่าสูงขึ้นได้

🔷 ข้อมูลเพื่อการวิเคราะห์: ระบบมีเครื่องมือวิเคราะห์ข้อมูลที่ช่วยให้เข้าใจแนวโน้มตลาด พฤติกรรมลูกค้า และประสิทธิภาพการขาย เพื่อปรับกลยุทธ์และเพิ่มรายได้สูงสุด

แนะนำ 2 ระบบ SAP ERP ยอดนิยมที่ธุรกิจอาหาร และเครื่องดื่มชั้นนำเลือกใช้

1. SAP S/4HANA Cloud

เหมาะสำหรับบริษัทที่มีขนาดใหญ่ ที่มีความซับซ้อนมาก ที่ในกระบวนการทางการบัญชี การเงิน การผลิต หรือซัพพลายเชน ต้องการระบบที่มีความยืดหยุ่นสูงในการปรับแต่งให้เหมาะสมกับความต้องการธุรกิจ โดยใช้งานผ่านระบบ Server แบบ On-Cloud ซึ่งสามารถเลือกใช้ได้ทั้งแบบ Private Cloud หรือแบบ Public Cloud พร้อมรอบรับการเติบโต การขยายตัวในทุกด้าน ใช้ระยะเวลาในติดตั้งระบบประมาณ 4-8 เดือน (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมของ SAP S/4HANA Cloud ได้ที่ คลิก)

2. SAP Business One

เหมาะสำหรับบริษัทที่มีขนาดกลาง (SMEs) รวมไปจนถึงธุรกิจที่มีขนาดใหญ่ที่มีความต้องการทางธุรกิจไม่ซับซ้อนมาก มีความยืดหยุ่นในการปรับแต่งตามความต้องการของธุรกิจ โดยสามารถเลือกรูปแบบการติดตั้งได้ทั้งแบบ On-Premise หรือ On-Cloud ตามความต้องการของธุรกิจ ใช้ระยะเวลาในการติดตั้งระบบประมาณ 4-5 เดือน (ดูรายละเอียดเพิ่มเติมของ SAP Business One ได้ที่ คลิก)

FAQ

คำถามที่พบบ่อย

ERP คืออะไร?
ระบบที่เชื่อมโยงการทำงานทุกแผนกของบริษัท (บัญชี, ขาย, คลัง, จัดซื้อ) ให้ทำงานบนฐานข้อมูลเดียวกัน ทำให้เห็นภาพรวมและลดความซ้ำซ้อน
SAP Business One (SAP B1) คืออะไร?
ซอฟต์แวร์ ERP จากบริษัท SAP ที่ออกแบบมาสำหรับธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง (SMEs) โดยเฉพาะ เพื่อช่วยจัดการธุรกิจแบบองค์รวม รวมถึงองค์กรขนาดใหญ่ที่มีความต้องไม่ซับซ้อนก็สามารถใช้งานได้ SAP B1 ได้เช่นกัน
SAP Business One แตกต่างจาก SAP S/4HANA อย่างไร?
SAP B1 ออกแบบมาเพื่อองค์กร หรือธุรกิจที่มีความซับซ้อนไม่มาก ติดตั้งเร็วกว่า และราคาเข้าถึงง่ายกว่า ในขณะที่ S/4HANA เหมาะสำหรับองค์กรขนาดใหญ่ที่มีความซับซ้อนในเรื่องของการดำเนินงาน และความต้องการที่มากกว่า
ธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง (SME) สามารถใช้ SAP B1 ได้จริงหรือไม่?
สามารถใช้งานได้จริง เพราะ SAP Business One ถูกออกแบบมาเพื่อ SMEs โดยเฉพาะ ทั้งด้านฟังก์ชัน และระยะเวลาการติดตั้ง
logo nexus

เลือก SAP ERP ทำไมต้องเน็กซัสฯ

  • เพราะหลายธุรกิจชั้นนำเลือกให้เน็กซัสฯ วาง และดูแลซัพพอร์ตระบบ SAP ERP ทั้ง SAP S/4HAAN และ SAP Business One
  • มีประสบการณ์ และความเชี่ยวชาญใน SAP ERP มามากกว่า 26 ปี และเป็น SAP Partner ในระดับ SAP Gold Partner
  • ให้บริการแบบ End-to-End ตั้งแต่การให้คำปรึกษาทางธุรกิจไปจนถึงการดำเนินการวางระบบ และ Maintenance Support โดยทีมงานมืออาชีพ และมีประสบการณ์ 
  • ทีมผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์ และได้รับใบรับรองจาก SAP Global Certification
  • มีความเชี่ยวชาญมากกว่า 10 อุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมการผลิต ธุรกิจการจัดจำหน่าย ธุรกิจการค้าปลีก-ค้าส่ง และธุรกิจการให้บริการ
Share the Post:

หัวข้อน่าสนใจ

NEXUS ผู้เชี่ยวชาญวางระบบ SAP ERP ที่ได้การรับรองมาตรฐานจาก ISO/IEC เพื่อเสริมความมั่นใจให้กับลูกค้า
Cloud ERP ตัวปลดล็อกความสำเร็จในอุตสาหกรรมผลิตชิ้นส่วนอิเล็กทรอนิกส์
Go-Live วางระบบ SAP Business One สำหรับ บริษัท วิคเคมพัฒนา จำกัด ยกระดับการทำงานด้วย Cloud ERP อัจฉริยะ
  • 00Days
  • 00Hours
  • 00Minutes
  • 00Seconds
Search

Customer Story

Go-Live วางระบบ SAP Business One สำหรับ บริษัท วิคเคมพัฒนา จำกัด ยกระดับการทำงานด้วย Cloud ERP อัจฉริยะ
sap business one go-live sangtai
Go-Live วางระบบ ERP – SAP Business One ให้กับ บริษัท เซ่งไถ่อุตสาหกรรม จำกัด ผู้ผลิตเคมีภัณฑ์ บริหารงานธุรกิจครบวงจร – คลาวด์ – เรียลไทม์

Popular Contents

NEXUS ผู้เชี่ยวชาญวางระบบ SAP ERP ที่ได้การรับรองมาตรฐานจาก ISO/IEC เพื่อเสริมความมั่นใจให้กับลูกค้า
Go-Live วางระบบ SAP Business One สำหรับ บริษัท วิคเคมพัฒนา จำกัด ยกระดับการทำงานด้วย Cloud ERP อัจฉริยะ
sap business one go-live sangtai
Go-Live วางระบบ ERP – SAP Business One ให้กับ บริษัท เซ่งไถ่อุตสาหกรรม จำกัด ผู้ผลิตเคมีภัณฑ์ บริหารงานธุรกิจครบวงจร – คลาวด์ – เรียลไทม์
Cloud ERP
Cloud ERP ตัวปลดล็อกความสำเร็จในธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม – พลิกเกมแข่งขันในอุตสาหกรรม F&B
SAP Business One
สยาม เอ็น พี อาร์ เลือกบริการ NEXsource ดูแล และซัพพอร์ตระบบ SAP Business One ด้วยมาตรฐาน และมืออาชีพ
ข้อดี Cloud ERP – SAP Business One: เชื่อมต่อ Shopee Lazada Tiktok ยกระดับธุรกิจค้าปลีกยุคดิจิทัล
Customer Story
ไวด์ เฟธ ฟู้ด ผู้ผลิตขนมขบเคี้ยว เลือกวาง SAP Business One กับเน็กซัสฯ เพิ่มศักยภาพการบริหาร การทำงานเป็นหนึ่งเดียว
nexus
NEXUS ผนึกกำลัง 3 บริษัทเทคยักษ์ใหญ่ SAP, AWS, SNP ทรานส์ฟอร์มระบบ ERP ของ Index Living Mall สู่ RISE with SAP for Retail สำเร็จเจ้าแรกของธุรกิจค้าปลีกไทย