ภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ VAT เป็นภาษีที่เกี่ยวข้องกับทั้งบุคคลธรรมดาและนิติบุคคล หากมีรายได้เกิน 1.8 ล้านบาทก็ต้องนำส่งภาษีมูลค่าเพิ่มนี้ให้กับกรมสรรพากร แต่หลาย ๆ คนมักจะมีคำถามว่า จำเป็นต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มหรือไม่ เมื่อจด VAT แล้วมีข้อดีอย่างไรและมีข้อเสียที่ต้องกังวลหรือไม่ เน็กซัสฯจะพาไปพบคำตอบ
เข้าใจคำว่า VAT หรือภาษีมูลค่าเพิ่ม
ภาษีมูลค่าเพิ่ม (Value Added Tax หรือ VAT) เป็นการเก็บภาษีจากการขายสินค้าหรือการให้บริการ ในปัจจุบันอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มอยู่ที่ 7% หรือที่เรามักจะคุ้นชินกับว่า VAT 7%
ใครบ้างต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
การจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือเรียกสั้น ๆ ว่า จด VAT ตามกฎหมายกำหนดให้ผู้ที่มีรายได้เกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม โดยรายได้ที่กล่าวถึงคือยอดขายหรือรายรับจริง ๆ ที่ยังไม่หักต้นทุนหรือกำไร โดยให้ยื่นคำขอจดทะเบียน ภายใน 30 วันนับแต่วันที่มีรายรับเกิน
หากผู้ที่เข้าเกณฑ์ต้องจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม แต่ประกอบกิจการโดยไม่ทำการจดทะเบียน จะมีโทษตามกฎหมาย จำคุกไม่เกิน 1 เดือน/ปรับ 5,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับเลยทีเดียว
ผู้ประกอบกิจการที่ได้รับยกเว้น สามารถตรวจสอบได้ที่ กรมสรรพากร
ขั้นตอนการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (จด VAT)
หากผู้ประกอบการมีรายรับจากการขายสินค้าหรือให้บริการเกิน 1.8 ล้านบาทต่อปี ให้ยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม (ภ.พ.01) ภายใน 30 วัน นับแต่วันที่รายรับเกิน
โดยยื่นคำขอจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มได้ที่
- สำนักงานสรรพากรพื้นที่หรือพื้นที่สาขาที่สถานประกอบการตั้งอยู่ (แล้วแต่กรณี)
- หรือ ยื่นผ่านอินเทอร์เน็ต www.rd.go.th
ข้อดีของการ จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
- ขอคืนภาษีซื้อได้ เมื่อบริษัทจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว ภาษีมูลค่าเพิ่มหรือ VAT ที่เกิดจากการที่บริษัทไปซื้อหรือใช้บริการจากที่อื่น จะสามารถบันทึกเป็นภาษีซื้อและทำการขอคืนได้ เช่น บริษัทซื้ออุปกรณ์สำนักงานในราคา 25,000 บาท VAT เท่ากับ 1,750 บาท บริษัทที่จด VAT จะบันทึก 1,750 บาทนี้เป็นภาษีซื้อและขอคืนได้ ทำให้ต้นทุนของสินค้าถูกลง
- การจัดการบัญชีเป็นระบบ ตรวจสอบได้ง่าย เมื่อทำการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มแล้ว บริษัทจะต้องจัดทำรายงานภาษีซื้อ รายงานภาษีขาย เพื่อยื่นให้กับกรมสรรพากร ทำให้ต้องมีการลงบัญชีรายการซื้อ-ขาย เก็บเอกสารใบกำกับภาษีอย่างเป็นระบบ เมื่อจัดการบัญชีได้อย่างเป็นระบบ เอกสารไม่สะเปะสะปะ ทำให้ง่ายต่อการตรวจสอบและดำเนินงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- เพิ่มโอกาสในการขาย ปิดการขายได้ง่าย ในมุมของลูกค้า ส่วนใหญ่ต้องการใบกำกับภาษี โดยเฉพาะลูกค้าที่เป็นในนามบริษัท เพราะต้องการนำไปใช้บันทึกภาษีซื้อเพื่อลดภาระภาษี ดังนั้นบริษัทที่จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มจะมีโอกาสขายที่มากกว่า ช่วยเพิ่มโอกาสให้กับกิจการได้
- กิจการมีความน่าเชื่อถือมากขึ้น การจด VAT เป็นเหมือนเครื่องหมายยืนยันว่าบริษัทของคุณมีตัวตนอยู่จริง เชื่อถือได้ เพราะการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มจะได้รับการตรวจสอบจากกรมสรรพากรและมีชื่ออยู่ในระบบของสรรพากรด้วย ช่วยสร้างความเชื่อมั่นให้คู่ค้า
ข้อเสียของการ จดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่ม
- ราคาสินค้าหรือบริการต้องมีการบวก VAT 7% ทุกครั้ง อาจทำให้สินค้าคุณแพงขึ้น
- ต้องทำรายงานภาษีซื้อ รายงานภาษีขาย และยื่นแบบ ภ.พ.30 ให้กับกรมสรรพากรทุกเดือน ถึงแม้จะไม่มีการซื้อ-ขายก็ตาม
- ต้องมีความรู้เรื่องใบกำกับภาษี เพราะใบกำกับภาษีจะมีเงื่อนไข รายละเอียด หลักเกณฑ์การออกใบกำกับภาษีตามกฎหมาย
แต่จริง ๆ แล้ว ข้อเสียในการจดทะเบียนภาษีมูลค่าเพิ่มมักจะเกิดจากความยุ่งยากในการทำเอกสาร ซึ่งในปัจจุบันสามารถจัดการปัญหาเหล่านี้ได้ด้วยการใช้ ระบบบริหารธุรกิจ หรือระบบ ERP ที่มีเครื่องมือช่วยอำนวยความสะดวกเรื่องภาษี จัดทำรายงานภาษีซื้อ รายงานภาษีขาย ใบกำกับภาษี ได้อย่างง่ายดาย ถูกต้องตามหลักเกณฑ์ของกรมสรรพากร สะดวกและรวดเร็วกว่า