ทำความรู้จัก SAP Business One (SAP B1) คืออะไร เหมาะกับธุรกิจใด
SAP Business One คืออะไร
SAP Business One หรือ SAP B1 คือ โซลูชัน Enterprise Resource Planning (ERP) ซอฟต์แวร์การบริหารจัดการธุรกิจ ที่ช่วยเชื่อมโยงการทำงานของหน่วยงานต่าง ๆ ภายในองค์กรเข้าด้วยกัน ออกแบบมาสำหรับธุรกิจขนาดเล็กและขนาดกลาง โดย SAP บริษัทผู้พัฒนาซอฟต์แวร์ ERP ที่ใหญ่เป็นอันดับต้น ๆ ของโลก มีประสบการณ์มามากกว่า 49 ปี ปัจจุบันมีสำนักงานใหญ่ ตั้งอยู่ที่ประเทศเยอรมนี
SAP Business One หรือ SAP B1 เป็นระบบที่มีมาตรฐานระดับสากล มีฟังก์ชันครอบคลุมการทำงานหลายอุตสาหกรรม รองรับการเติบโตของธุรกิจได้เป็นอย่างดี ช่วยให้สามารถเข้าถึงข้อมูลเชิงลึกในธุรกิจได้มากขึ้น เพื่อให้องค์กรสามารถดำเนินการได้อย่างรวดเร็ว และตัดสินใจจากข้อมูลได้แบบเรียลไทม์และแม่นยำยิ่งขึ้น ปัจจุบันมีลูกค้าวางใจใช้งาน SAP Business One มากกว่า 65,000 ราย ทั่วโลก
ระบบ SAP Business One
SAP Business One รวมฟังก์ชันทางธุรกิจ ที่ครอบคลุมการทำงานทั้งบริษัท เชื่อมโยงการทำงานและเข้าถึงข้อมูลได้ทุกแผนก ทั้งการจัดการด้านบัญชี การเงิน การจัดซื้อ การจัดการฝ่ายขาย และลูกค้า การจัดการสินค้าคงคลัง การวางแผนการผลิต การผลิต การจัดการโครงการ รวมถึงนำเสนอรายงานและการวิเคราะห์ที่เข้าใจง่าย ช่วยให้สามารถเห็นภาพรวมธุรกิจได้อย่างชัดเจน
ความสามารถของระบบ SAP Business One
1. Management and Administration การจัดการและการบริหาร
เป็นฟังก์ชันสำหรับการจัดการขั้นพื้นฐาน การตั้งค่าระบบ การจัดการกฎเกณฑ์ทางธุรกิจ เช่น การตั้งค่าคู่ค้าทางธุรกิจ การตั้งค่าเงื่อนไขการชำระเงิน การนำเข้าและส่งออกข้อมูล การอนุมัติ (Approval processes) เป็นต้น และสามารถจัดการการเข้าถึงบัญชี หรือสามารถกำหนดสิทธิ์ผู้ใช้งานได้2. Accounting & Financial การบัญชีและการเงิน
SAP Business One มีชุดเครื่องมือที่ครอบคลุมการดำเนินงานทางการเงินที่คล่องตัว ช่วยลดข้อผิดพลาดในธุรกิจ และปรับปรุงอัตรากำไรได้มากขึ้น เช่น
- สามารถสร้างและแก้ไขผังบัญชี (Chart of accounts) จัดการบัญชีแยกประเภททั่วไป สมุดรายวัน งบประมาณ และเจ้าหนี้และลูกหนี้
- ทำการลงรายการบัญชี ตามเวลาจริงโดยอัตโนมัติเมื่อมีเหตุการณ์ทางธุรกิจที่เกี่ยวข้องเกิดขึ้น
- จัดการการธนาคาร การชำระเงิน และการกระทบยอด เช่น เช็ค เงินสด และบัตรเครดิต
- สร้างรายงานทางการเงิน เช่น กำไรขาดทุน กระแสเงินสด งบดุล และรายงานอายุหนี้ เป็นต้น
- รองรับการคำนวณและการรายงานภาษีอัตโนมัติ รวมถึงการขาย การใช้งาน และภาษีมูลค่าเพิ่ม
- สามารถจัดการเอกสารต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับงานจัดซื้อ เชื่อมโยงเอกสารการสั่งซื้อทั้งระบบเพื่อประโยชน์ในการตรวจสอบบัญชี เช่น ใบขอซื้อ (Purchase Request), ใบเสนอราคาซื้อ (Purchase Quotations), ใบสั่งซื้อ (Purchase Orders), การบันทึกเอกสารรับสินค้า (Goods Receipt POs) และคืนสินค้า (Goods Returns), ใบแจ้งหนี้ (A/P Invoice) เป็นต้น
- บันทึกข้อมูลผู้ขาย (Vendors) และประวัติการซื้อทั้งหมด ช่วยปรับปรุงแนวทางการจัดซื้อและควบคุมต้นทุน
- อัปเดตสินค้าคงคลังแบบเรียลไทม์ สามารถรองรับการตั้งค่าการคิดคำนวณต้นทุนสินค้าตามวิธีมาตรฐานหลายวิธี เช่น Average, FIFO, LIFO
- สามารถรองรับระบบภาษีนำเข้าสินค้าจากต่างประเทศ
- สามารถบันทึกต้นทุนแฝงที่บริษัทซื้อเข้ามา (Landed Costs) ได้
- สร้างใบเสนอราคาของลูกค้า ใบสั่งขาย ใบแจ้งหนี้ และเอกสารการต่าง ๆ
- ติดตามโอกาสและกิจกรรมการขาย ดูแลกระบวนการขายและวงจรลูกค้า ตั้งแต่การติดต่อครั้งแรกจนถึงการปิดการขาย
- บริการหลังการขาย
- สามารถเข้าถึงข้อมูลลูกค้าและการขายผ่านโทรศัพท์มือถือได้ สะดวกต่อตัวแทนขาย และการขายนอกสถานที่
- การจัดการแคมเปญการตลาด การจัดการลูกค้า การจัดการบริการ การรายงานและการวิเคราะห์
- ดำเนินการนับสินค้าคงคลัง ติดตามสต๊อกได้แบบเรียลไทม์ บันทึกรับ-ส่งสินค้า (Goods Receipts & Goods Issue) และ บันทึกรายการสินค้าคงคลังและการโอนย้าย (Inventory Transactions & Transfer)
- สามารถบริหารจัดการ Bin Location และจัดการสินค้าด้วย Serial Number & Batch Number เครื่องมือ Intelligent Bin Location Features ช่วยให้องค์กรสามารถใช้พื้นที่สต๊อกสินค้าได้อย่างเกิดประโยชน์สูงสุด
- มีเครื่องมือสนับสนุนกระบวนการหยิบและแพ็กสินค้า
- จัดการรายการ และราคาสินค้า (Item List & Price List)
- การรวมคลังสินค้าและบัญชี ทำให้การรับสินค้า การคืนสินค้า ค่าใช้จ่ายเพิ่มเติมต่าง ๆ รองรับสกุลเงินที่หลากหลาย สามารถจัดการได้อย่างง่ายดาย และระดับคลังสินค้ามีข้อมูลที่ตรงกันแบบเรียลไทม์
- สามารถกำหนดสูตรการคำนวณ (BOM: Bills of Material) บันทึกเอกสารสั่งผลิต (Production Order)
- สร้างสถานการณ์จำลองการวางแผนความต้องการวัสดุ (MRP: Material Resource Planning)
- บริหารจัดการสินค้าคงคลัง เพื่อให้มีสินค้าเพียงพอกับการขาย และมีวัตถุดิบเพียงพอต่อการผลิต
- การวางแผนการผลิตสินค้าและวัสดุที่ใช้ในการผลิต การสร้าง และปรับปรุงรายการ การเบิกจ่ายวัสดุในการผลิต
- สามารถนำเสนอรายงานจากข้อมูลล่าสุด และนำเสนอในรูปแผนภาพและรายงานได้หลากหลายรูปแบบ
บริษัทใดที่เหมาะกับ SAP Business One
- SAP B1 ออกแบบมาสำหรับองค์กรขนาดเล็กถึงขนาดกลาง
- เหมาะสำหรับบริษัทที่มีเป้าหมายต้องการเติบโตในอนาคต เช่น ธุรกิจที่เตรียมเข้าซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ เป็นต้น
- เหมาะสำหรับธุรกิจที่ต้องการระบบการทำงานที่มีมาตรฐาน โปร่งใส สามารถขยายศักยภาพและเติบโตไปพร้อมกับองค์กร
- ธุรกิจที่กำลังมองหาโซลูชันที่มีความยืดหยุ่น ทรงพลัง และมีอินเทอร์เฟซที่ใช้งานง่าย และเป็นเป็นที่ยอมรับ
SAP Business One เหมาะกับธุรกิจประเภทใด
SAP Business One (SAP B1) เป็นระบบ ERP ที่มีประสิทธิภาพสูง มีเครื่องมือการทำงานที่ตอบโจทย์หลายประเภทธุรกิจ ไม่ว่าจะเป็น Professional Services, Retail, Wholesale Distribution และ Manufacturing
SAP Business One รองรับการใช้งานทั้ง On Premise และ Cloud
SAP Business One แบบ On-Premise
- ปรับให้เข้ากับนโยบายขงบริษัทได้ สามารถติดตามการปฏิบัติตามนโยบายการรักษาความปลอดภัย ของข้อมูลภายในได้ดี เช่น หากบริษัทมีนโยบายที่ไม่อนุญาตให้ซิงค์ข้อมูลทางธุรกิจที่สำคัญกับเซิร์ฟเวอร์ภายนอก การติดตั้งระบบแบบ On Premise อาจเป็นทางออกที่ดีกว่า
- ระบบสามารถปรับแต่งได้สูงกว่า ฟังก์ชันการทำงานเข้ากับกระบวนการทางธุรกิจที่ซับซ้อน แต่อาจใช้เวลาในการพัฒนาระบบนานกว่า
- ใช้ฮาร์ดแวร์เดิมได้ ในกรณีที่องค์กรมีฮาร์ดแวร์ภายในและโครงสร้างพื้นฐานด้านไอที (Existing Infrastructure) อยู่แล้ว สามารถใช้กับ SAP B1 ได้
- มีค่าใช้จ่ายล่วงหน้าสูงกว่า แต่ต้นทุนรวมในการเป็นเจ้าของ (TCO) ในระยะยาวดีกว่า เนื่องจากเป็นรูปแบบของการซื้อขาด ทำให้ไม่จำเป็นต้องจ่ายค่าใช้งานรายปี หรือมีค่าสัญญาในการใช้งานระบบ แต่อาจมีค่าใช้จ่ายอื่น ๆ เช่น ค่าฮาร์ดแวร์ เซิร์ฟเวอร์ ค่าอัปเกรดระบบ หรือปรับแต่งซอฟต์แวร์ เป็นต้น
- ยืดหยุ่นน้อยกว่า แต่การพึ่งพาอินเทอร์เน็ตที่เชื่อมต่อตลอดเวลาก็น้อยลงด้วยเช่นกัน
SAP Business One แบบ On-Cloud
- เริ่มใช้งานได้ในเวลาที่สั้นกว่า การปรับใช้ที่ง่าย ใช้เวลาน้อยกว่า และราคาไม่แพง
- มีความยืดหยุ่นสูง สามารถเข้าถึงฟังก์ชันการทำงานของ SAP Business One ได้ทุกที่ทุกเวลา ผ่านเบราว์เซอร์
- ต้นทุนในการติดตั้งต่ำกว่า เนื่องจาก SAP Business One แบบ On-Cloud จะเป็นลักษณะของการใช้งานแบบ Subscription รายปี ควบคุมค่าใช้จ่ายได้ง่าย
- ไม่ต้องเสียค่าฮาร์ดแวร์ ค่าดูแลระบบ และค่าอัปเดตระบบ เนื่องจากผู้ให้บริการโซลูชัน Hosting จะเป็นผู้ดูแลรับผิดชอบระบบ
- ผลตอบแทนจากการลงทุนคืนกลับมารวดเร็ว (ROI) เนื่องจาก SAP Business One บนคลาวด์ สามารถขึ้นระบบ และพร้อมทำงานได้อย่างรวดเร็ว ทำให้ระยะเวลาในการหยุดชะงักของธุรกิจระหว่างรอขึ้นระบบน้อยกว่า
ทำไมถึงต้องเลือก SAP Business One กับ NEXUS
เน็กซัสฯ นำเสนอโซลูชันพร้อมใช้ตามความต้องการทางธุรกิจแบบครบวงจร โดยเน็กซัสฯ เป็น SAP Partner ในระดับ SAP Gold Partner มีผู้เชี่ยวชาญบริการให้คำปรึกษา และวางระบบ SAP Business One (SAP B1) แบบครบวงจร มากกว่านั้นยังมีโซลูชันและบริการเสริมพิเศษที่สนับสนุน การทำงานเชื่อมต่อกับแพลตฟอร์มต่าง ๆ เช่น Social Media, E-Commerce, Marketplace, POS, QR Code, RFID, Sensor, E-Tax, E-Filing, โลจิสติกส์, ธนาคาร รวมถึงอุปกรณ์ IoT ต่าง ๆ เป็นต้น
เกี่ยวกับ เน็กซัสฯ
บริษัท เน็กซัส ซิสเท็ม รีซอร์สเซส จำกัด เราคือผู้เชี่ยวชาญด้านบริการให้คำปรึกษาและวางระบบซอฟต์แวร์เอสเอพี เช่น SAP S/4HANA, SAP Business One (SAP B1), SAP iRPA, SAP Analytics เป็นต้น ที่มีชื่อเสียง และได้รับการยกย่องเป็น พาร์ทเนอร์ในระดับ SAP Gold Partner ไว้วางใจได้ จากทีมผู้เชี่ยวชาญที่มีประสบการณ์และได้รับใบรับรองจาก SAP Global Certification ประสบการณ์มากกว่า 23 ปี เชี่ยวชาญมากกว่า 10 อุตสาหกรรม เช่น อุตสาหกรรมการผลิต ธุรกิจการจัดจำหน่าย ธุรกิจการค้าปลีก-ค้าส่ง และธุรกิจการให้บริการ