การ Digital Transformation ทำไมต้อง SAP S/4HANA Cloud รวมจุดเด่นและคำตอบไว้ที่นี่

คือ ระบบการวางแผนทรัพยากรองค์กร (ระบบ ERP) เวอร์ชันใหม่ล่าสุดของ SAP ที่รวมฟังก์ชันการทำงานที่สำคัญทางธุรกิจ มาพร้อมเทคโนโลยีอัจฉริยะในตัว (Intelligent Technologies) มี AI, Machine Learning และการวิเคราะห์ขั้นสูง พร้อมรองรับ Big Data และ IoT ที่อยู่บน Cloud Service ช่วยให้บริษัทต่าง ๆ สามารถนำโมเดลธุรกิจใหม่ๆ มาปรับใช้ และจัดการการเปลี่ยนแปลงทางธุรกิจ Digital Transformation อย่างได้อย่างรวดเร็ว และครอบคลุมกระบวนการทางธุรกิจที่สำคัญของบริษัท อาทิ Finance, HR, Sourcing and Procurement, Supply Chain, Manufacturing, Marketing and Commerce, Sales, Service, Asset Management, and Research and Development ซึ่งรองรับการทำงานกว่า 25 กลุ่มอุตสาหกรรม

ทำไมต้องเลือก SAP S/4HANA Cloud ในการทำ Digital Transformation

ในปัจจุบัน SAP S/4HANA Cloud มีอยู่ด้วยกัน 2 รูปแบบคือ RISE with SAP และ GROW with SAP โดยบริการ RISE with SAP และ GROW with SAP จาก SAP เป็นบริการสำคัญที่พัฒนาขึ้นมาเพื่อตอบโจทย์ความต้องการของธุรกิจที่กำลังวางแผนการการเปลี่ยนแปลงทางดิจิทัล (Digital Transformation) หรือวางแผนปรับองค์กรให้เป็นองค์กรอัจฉริยะแบบครบวงจรเพื่อรองรับการแข่งขันในยุคดิจิทัล เป็นการรวม ซอฟต์แวร์ ERP, Infrastructure as a Service (IaaS) และ Technical Managed Services แบบข้อเสนอเดียว ไว้ในสัญญาเดียวแบบ “One Offer. One Contract” เพื่อลดความยุ่งยาก ลดระยะเวลาในการประสานงาน รวมถึงลดต้นทุนรวมในการเป็นเจ้าของ (TCO) โดยซอฟต์แวร์ ERP ที่รวมอยู่ในบริการคือซอฟต์แวร์ SAP S/4HANA Cloud เป็นซอฟต์แวร์ ERP รุ่นล่าสุดของ SAP ที่มาพร้อมเทคโนโลยีอัจฉริยะในตัว ทั้ง AI และ Machine Learning รองรับ Big Data, Business Network และ IoT ซึ่งเป็นเทคโนโลยีสำคัญในการบริหารธุรกิจยุคดิจิทัล

โดยจุดเด่นของระบบคือการนำเสนอแพ็กเกจเรียบง่าย และยืดหยุ่น ซึ่งประกอบด้วย ซอฟต์แวร์ และการสนับสนุน, การจัดการด้านเทคนิค, การจัดการโครงสร้างพื้นฐาน โดยมีแกนหลักคือระบบ ERP – SAP S/4HANA Cloud ซึ่งมีให้ในโมเดล SaaS หรือเรียกเต็มๆว่า Software as a Service โดยเป็นการให้บริการในด้านซอฟต์แวร์ที่ใช้ระบบคลาวด์สามารถเลือกได้ทั้งแบบ GROW with SAP ซึ่งเป็น Public Cloud และ RISE with SAP ซึ่งเป็น Private Cloud (ซึ่งสามารถอ่านรายละเอียด คุณลักษณะเด่น และข้อดี ของทั้ง RISE with SAP และ GROW with SAP  ได้ที่บทความ SAP ERP ทางเลือกที่ใช่ขององค์กร)

จุดเด่นของ SAP S/4HANA Cloud ในการทำ Digital Transformation

1.) โซลูชัน ใหม่ล่าสุดจาก SAP ให้บริการแบบ SaaS หรือ Software as a Service เป็นรูปแบบการให้บริการ Software ผ่านอินเทอร์เน็ต เข้าใช้งานระบบผ่านทาง Web Browser หรือเป็นลักษณะการทำงานผ่านคลาวด์ซึ่งผู้ให้บริการจะเป็นผู้บำรุงรักษาระบบ ทำให้องค์กรสามารถลดภาระงานด้านไอทีได้ และลดข้อกังวลในการดูแลซอฟต์แวร์ได้

2.) รูปแบบของการซื้อ license มีความยืดหยุ่น ในการบริการแบบ SaaS จะเป็นรูปแบบของการ Subscription คิดค่าบริการตามลักษณะการใช้งานจริง นอกจากนี้ค่าธรรมเนียมการใช้สิทธิ์ดังกล่าวนับเป็นค่าใช้จ่ายในการดำเนินงาน หรือ Operating Expenditures (OPEX) ทำให้สามารถนำไปบันทึกในระบบได้ และสามารถนำไปลดหย่อนภาษีตามกฏหมายที่บริษัทต้องจ่ายได้

3.) ลดต้นทุนจากการอัปเกรด โมเดล SaaS เป็นรูปแบบของการ Subscription ระบบคลาวด์ ที่รันอยู่บน Server ของผู้ให้บริการ ซึ่งจะได้รับการอัปเดตจาก SAP อยู่เสมอ ซึ่งจะช่วยลดค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการอัปเกรดระบบแบบเดิมๆ และทำให้มั่นใจได้ว่าระบบที่ใช้จะเป็นเวอร์ชันใหม่ล่าสุดอยู่เสมอ

4.) ​​สามารถเชื่อมต่อ กับเครือข่าย SAP ได้อย่างเต็มรูปแบบ จุดเด่นของ SAP S/4HANA Cloud คือการมี SAP Business Network Starter Pack ซึ่งเป็นชุดฟังก์ชันที่ช่วยให้ลูกค้าเชื่อมต่อกับคู่ค้า หรือ Network Provider ต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับกระบวนการทางธุรกิจได้ โดยองค์กร หรือบริษัทของลูกค้าจะได้รับฟังก์ชัน Business Network Partner จาก SAP ทั้ง Ariba Network, Asset Intelligence Network และ Logistics Business Network มาพร้อมด้วย

5.) เสริมแกร่งด้วยเทคโนโลยีล้ำสมัย SAP S/4HANA Cloud มอบเครดิตการใช้งาน SAP Business Technology Platform ซึ่งเป็นแพลตฟอร์มที่รวบรวมแอปพลิเคชันระดับองค์กร และเทคโนโลยีอัจฉริยะ ทั้ง Database, Analytics, Application Development and Integration และ Intelligent Technologies เช่น AI, RPA และ IoT ซึ่งนับว่าเป็นจุดเด่นที่สำคัญของตัวระบบ

6.) มี TCO ต่ำ SAP S/4HANA Cloud ได้รวม ซอฟต์แวร์สำหรับบริหารงานทรัพยากรขององค์กร หรือ ERP (Enterprise Resource Planning), Infrastructure as a Service (IaaS) และ Technical Managed Services แบบข้อเสนอเดียว ไว้ในสัญญาเดียว เรียกว่า “One Offer. One Contract” ซึ่งช่วยลดความยุ่งยาก ลดระยะเวลาในการประสานงาน ช่วยควบคุมต้นทุนได้ดียิ่งขึ้น ทำให้มีต้นทุนรวมในการเป็นเจ้าของต่ำ